(ดูVDO และฟังMP3) เรื่อง สังสาระแห่งการวนเวียนซ้ำซาก

ท่านใดที่ปฏิบัติธรรมแล้วรู้สึกไม่สามารถวางทางโลกได้ หรือติดอยู่กับทางโลก หลงใหลอยู่กับกามคุณทั้งหลาย ตัวปล่อยใจให้ไหลไปกับโลกอยู่กับเรื่องทางโลก
คลิปนี้น่าฟังมากๆ เลย “อนมตัคคสังสาร”
ในสังสาระแห่งการวนเวียนไป ซ้ำซาก รู้เบื้องต้นไม่ได้ รู้เบื้องปลายไม่ได้
หรือดาวโหลดคลิปเสียง mp3 นี้ใส่เครื่องเล่นพกติดตัวไว้ฟังนะ เป็นอะไรที่ ได้สะท้อนใจ ได้สะท้อนตัวเราเอง เราฟังแล้วดีมากๆๆ เลย

https://dhammaway.wordpress.com/wp-content/uploads/2014/12/aj-supee-anamatakkasangsara.mp3

ขอขอบพระคุณผู้จัดให้เกิดการบรรยายธรรมนี้ขึ้นมา
เป็นอะไรที่ดีมากๆ เลย
เว็บไซต์ อ.สุภีร์ ทุมทอง ที่นี่นะคะ
http://www.ajsupee.com
ดีมากๆ เลยค่ะ

(vdo และ mp3) ธัมมานุปัสสนา (อย่างละเอียด)

แนะนำธรรมบรรยายนี้ค่ะ
อ.สุภีร์ ทุมทอง ท่านอธิบายเรื่อง ธัมมานุปัสสนา เอาไว้ละเอียดมากๆ ซึ่ง ธัมมานุปัสสนา เป็นหนึ่งในสติปัฏฐาน น่าฟังมากๆ ค่ะ

ธัมมานุปัสสนา ประกอบด้วยหัวข้อย่อยในการบรรยายดังนี้
๑) นิวรณ์ ๕
๒) อุปาทานขันธ์ ๕
๓) อายตนะภาายใน ๖ ภายนอก ๖
๔) โพชฌงค์ ๗
๕) อริยสัจ ๔
ธรรมบรรยายโดยอาจารย์สุภีร์ ทุมทอง
บรรยาย ณ อาคารเจริญธรรม บ้านจิตสบาย ( ๑๖ กันยายน ๒๕๕๕) ในคลิปวีดีโอที่บรรยายวันนั้นจะแบ่งเป็น ๖ ช่วง

ฟังคลิปเสียง mp3 ได้ที่นี่
(คลิปเสียงนี้เรานำทั้ง ๖ ช่วงมาไว้ในคลิปเสียงเดียวแล้ว สำหรับดาวโหลดฟังเป็นความรู้นะคะ)

ในธรรมบรรยายนี้อาจมีคำศัพท์ทางธรรมะอยู่ด้วย หากคำไหนเราอยากได้คำอธิบายเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจ เราสามารถค้นหาความหมายได้จาก พจนานุกรมพุทธศาสน์
ฟังคลิปเสียง mp3
คลิปเสียงนี้รวมทั้ง ๖ ช่วงมาไว้ในคลิปเสียงเดียวแล้วค่ะ
ขอให้ทุกท่านเจริญก้าวหน้าในการศึกษาธรรมะ และเจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ (-/\-)

อ่านหนังสือธรรมะ pdf และฟังเสียงธรรม mp3 เพิ่มเติมจาก
อาจารย์สุภีร์ ทุมทอง

(การ์ดคำสอน) มหาสมุทรของสังสาระ

cry-to-river-ajsupee-2-750px
คลิกดูภาพขนาดใหญ่ได้

สังสาระมันวนเวียนไปวนเวียนมาอย่างนี้ หาที่สุดในเบื้องต้นและเบื้องปลายไม่ได้ เราทั้งหลายก็ได้ประสบความทุกข์มานานเหลือเกินแล้ว มากมายสุดจะนับได้
พระพุทธเจ้าอุปมาไว้เยอะ เช่นว่าเรานี่เกิดมาแล้วก็มีแม่ แม่ตายก็ร้องไห้ น้ำตาเราที่ร้องไห้เวลาแม่ตายนี่ รวมกันแล้วมากกว่าน้ำในมหาสมุทรเสียอีก น้ำนมที่เราดื่มมากกว่าน้ำในมหาสมุทร เลือดที่ไหลออกจากลำคอเวลาถูกเชือดมากกว่าน้ำในมหาสมุทร
ในสังสาระอันยาวนานนี้ คนที่ไม่เคยเป็นพ่อกันหาไม่ได้ คนที่ไม่เคยเป็นแม่กันไม่เคยเป็นลูกกันหาไม่ได้ หากเราไปเห็นคนร่ำรวย คนมีความสุขก็ให้ตกลงใจได้เลยว่าเราก็เคยเป็นอย่างนั้นมาแล้ว หรือหากเราไปเห็นคนยากจนคนเป็นทุกข์ก็ให้ตกลงใจได้เลยว่าเราก็เคยเป็นอย่างนั้นมาแล้ว เพราะว่าเกิดตายมายาวนานมาก
ถ้ามีปัญญาญาณเกิดขึ้นก็จะเห็นว่า ชีวิตมีแค่นี้เอง มีกายกับใจ ที่เกิดดับเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ธรรมบรรยาย อาจารย์สุภีร์ ทุมทอง
เรื่อง “ปัญญาญาณ pdf” (28/7/52)

ฟังคลิปเสียงธรรมบรรยายนี้
ตอนที่ 1
ตอนที่ 2
ตอนที่ 3
ตอนที่ 4

ศึกษาธรรมะเพิ่มเติม
อ.สุภีร์ ทุมทอง

“มิจฉาทิฏฐิ” ความเห็นผิดที่มีกันมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล

mitchaditti-4
(^_^)  เราฟังแล้ว เนื้อหาดีมากๆค่ะ
แนะนำเลย
มิจฉาทิฏฐิ ตอนที่ 1
หัวข้อที่บรรยายในตอนที่ ๑ นี้ค่ะ
– สักกายทิฏฐิ ๒๐
– มิจฉาทิฏฐิ ๑๐
– ลัทธิครูทั้ง ๖
     – ปูรณะ กัสสปะ
     – มักขลิ โคสาละ
     – อชิตะ โกสกัมพละ
     – ปกุธะ กัจจายนะ
     – นิคัณฐะ นาฏปุตตะ
     – สัญชยะ เพลัฏฐปุตตะ
มิจฉาทิฏฐิ ตอนที่ 2
หัวข้อที่บรรยายในตอนที่ ๒ นี้ค่ะ
– ลัทธิครูทั้ง ๖ (ต่อ)
     – ปูรณะ กัสสปะ (ต่อ)
     – มักขลิ โคสาละ (ต่อ)
     – อชิตะ โกสกัมพละ (ต่อ)
     – ปกุธะ กัจจายนะ (ต่อ)
     – นิคัณฐะ นาฏปุตตะ (ต่อ)
     – สัญชยะ เพลัฏฐปุตตะ (ต่อ)
มิจฉาทิฏฐิ ตอนที่ 3
หัวข้อที่บรรยายในตอนที่ ๓ นี้ค่ะ
– ลัทธิครูทั้ง ๖ (ต่อ)
     – ปกุธะ กัจจายนะ (ต่อ)
     – นิคัณฐะ นาฏปุตตะ (ต่อ)
     – สัญชยะ เพลัฏฐปุตตะ (ต่อ)
– ทิฏฐิคู่
     – ภว-วิภวทิฏฐิ
     – สัสสต-อุจเฉททิฏฐิ
     – อันตวา-อนันตวาทิฏฐิ
     – ปุพพันตานุ-อปรันตานุทิฏฐิ
มิจฉาทิฏฐิ ตอนที่ 4
หัวข้อที่บรรยายในตอนที่ ๔ นี้ค่ะ
– ทิฏฐิคู่ (ต่อ)
     – อัตถิ-นัตถิทิฏฐิ
     – เอกัตต-ปุถุตตทิฏฐิ
     – ชีวสรีรเอกัตต-ชีวสรีรนานัตตทิฏฐิ
     – อัตตการ-ปรการทิฏฐิ
     – การกเวทกเอกัตต-การกเวทนกนานัตตทิฏฐิ
– ทิฏฐิ ๖๒
     – ปุพพันตกัปปิก ๑๘
          – สัสสตวาทะ ๔
          – เอกัจจสัสสตวาทะ ๔
          – อันตานันติกวาทะ ๔
          – อมราวิกเขปิกวาทะ ๔
          – อธิจจสมุปปันนวาทะ ๒
มิจฉาทิฏฐิ ตอนที่ 5
หัวข้อที่บรรยายในตอนที่ ๕ นี้ค่ะ
– ทิฏฐิ ๖๒ (ต่อ)
     – ปุพพันตกัปปิก ๑๘
          – สัสสตวาทะ ๔ (ต่อ)
          – เอกัจจสัสสตวาทะ ๔ (ต่อ)
          – อันตานันติกวาทะ ๔ (ต่อ)
          – อมราวิกเขปิกวาทะ ๔ (ต่อ)
          – อธิจจสมุปปันนวาทะ ๒ (ต่อ)
     – อปรันตกัปปิก ๔๔
          – สัญญีวาทะ ๑๖
          – อสัญญีวาทะ ๘
          – เนวสัญญีนาสัญญีวาทะ ๘
          – อุจเฉทวาทะ ๗
          – ทิฏฐธัมมนิพพานวาทะ ๕
มิจฉาทิฎฐิ ตอนที่ 6
หัวข้อที่บรรยายในตอนที่ ๖ นี้ค่ะ
– ทิฏฐิ ๖๒ (ต่อ)
     – อปรันตกัปปิก ๔๔ (ต่อ)
          – ทิฏฐธัมมนิพพานวาทะ ๕ (ต่อ)
– ทิฏฐิทั่วไป
     – อกิริยะเกี่ยวกับกรรม
     – สิ้นกรรมด้วยตบะ
     – กรรมกับอนัตตา
     – วิญญาณเป็นตัวท่องเที่ยว
     – สัญญาเกิดดับโดยไม่มีเหตุ
     – สัญญากับอัตตา
     – พระอรหันต์ตายแล้วสูญ
     – โทษของกามไม่มี
(^_^)  เนื้อหาดีมากๆค่ะ แนะนำๆ
จากธรรมบรรยายเรื่อง “มิจฉาทิฎฐิ”
โดย อ.สุภีร์ ทุมทอง
โครงการบรรยายธรรม จัดโดย เบนซ์ทองหล่อ
(บรรยายวันที่ 26 เม.ย. 3 พ.ค. 23 พ.ค. 7 มิ.ย. 21 มิ.ย. และ 26 ก.ค. 2554)

ศึกษาธรรมะจาก อาจารย์สุภีร์ ทุมทอง
อ่านหนังสือธรรมะ pdf
และฟังเสียงธรรม mp3
http://www.ajsupee.com

เมื่อเจตนาต่าง กรรมก็เลยต่าง

different-krama-600px-2

“… เรื่องเกี่ยวกับกรรมนี้มันเกี่ยวกับจารีตด้วย เกี่ยวกับยุคสมัยด้วยเช่นกัน เกี่ยวกับยุค เกี่ยวกับสมัย
เพราะว่าเรื่องของกรรมมันเกี่ยวกับเจตนา พวกกฏหมายก็ดีอะไรก็ดีพวกนี้มันก็มีผลต่อความรู้สึกของเรา
สมมุติแต่ก่อนไม่มีกฎหมายในด้านพวกเกี่ยวกับลิขสิทธ์อะไรต่างๆ เราก็ไม่มีความคิดที่จะไปขโมยเขา เราก็ใช้ไปอย่างงั้นแหละก็ไม่รู้สึกที่จะต้องขโมยใครอะไรมา แต่พอหลังๆชักจะมีกฏหมายพวกนี้มาอะไรมา แล้วเราก็รู้เรื่องด้วย ทีนี้พอรู้เรื่องแล้วก็ชักจะมีปัญหาขึ้นมา
กฏเกณฑ์ กฏระเบียบ กฏหมาย จารีต มันมีผลต่อกรรมต่อความรู้สึก เพราะเจตนานั่นเองเป็นกรรม
ตอนนี้เรามาดูด้านกรรมบถ คือตอนมันออกมา ถ้าคิดจะไปเอาของเค้ามาโดยที่เค้าไม่อนุญาตไม่ให้ไม่บอกเค้าก่อน ไม่ว่าจะแง่ใดแง่หนึ่ง
..ใช้ๆไปเถอะ..ไม่เป็นไรหรอก..ซอฟท์แวร์มัน..ช่างมันเถอะ..คนอื่นเค้าก็ใช้กัน..เราก็เอามั่ง..
ตอนยังไม่รู้มันก็ไม่คิดจะขโมยใครเหมือนกันนะ มันก็ไม่มีความรู้สึกจะเป็นเจตนาที่เป็นกรรมชั่วร้าย แต่พอมันรู้เรื่องนี่ล่ะ เอาแล้ว
ฉะนั้นพวกจารีตพวกอะไรต่างๆมีผลเยอะในด้านของกรรมด้านกฎหมายด้านอะไรต่อมิอะไรพวกนี้ ตอนไม่มีกฎหมายเราก็ไม่ได้คิดจะล่วงอะไรมันใช่ไหม มันก็อยู่ของมันดีๆนะแหละ แต่พอมีกฏหมาย
กฎหมายให้เสียภาษี แต่เดิมไม่ได้เสีย ตอนนี้มีกฎหมายแล้ว ก็ไม่เสียเหมือนเดิม ตอนไม่มีกฎหมายนี่เราไม่คิดขโมยนะ แต่ตอนมีกฎหมายแล้วเรารู้ว่ามีกฎหมายแล้ว ตอนนี้เราคิดจะเลี่ยงแล้ว ความคิดมันต่างกันเจตนามันต่าง
พอเจตนาต่าง กรรมมันก็เลยต่าง
…”

(วีดีโอ และ mp3) เรียนเรื่องอินทรียสังวร

“เรียนเรื่องอินทรียสังวรค่ะ”

เรื่องนี้สำคัญมากในการปฏิบัติธรรม เป็นการอธิบายประกอบบาลีจากพระไตรปิฏกเลย มีแบบคลิปวีดีโอ กับ mp3 นะคะเลือกเรียนได้เลย “แนะนำว่าฟังจากตอนที่ 1 ก่อนจะดีมากๆ เลยค่ะ”

ตอนที่ 1 จะได้เรียนเรื่อง
– ความหมายของอินทรียสังวร
– ความสำคัญของอินทรียสังวร

ดูแบบ vdo
ฟังแบบ mp3

ตอนที่ 2 จะได้เรียนเรื่อง
– ประโยชน์ของการมีอินทรียสังวร

ดูแบบ vdo
ฟังแบบ mp3

ตอนที่ 3 จะได้เรียนเรื่อง
– โทษของการขาดอินทรียสังวร
– วิธีปฏิบัติอินทรียสังวร

ดูแบบ vdo
ฟังแบบ mp3

ตอนที่ 4 จะได้เรียนเรื่อง
– วิธีปฏิบัติอินทรียสังวร (ต่อ)

ดูแบบ vdo
ฟังแบบ mp3

ตอนที่ 5 จะได้เรียนเรื่อง
– อุบายและวิธีประกอบการฝึกอินทรียสังวร

ดูแบบvdo
ฟังแบบ mp3

ตอนที่ 6 จะได้เรียนเรื่อง
– อุบายและวิธีประกอบการฝึกอินทรียสังวร (ต่อ)

ดูแบบ vdo
ฟังแบบ mp3

ยืนยันว่าเรื่อง อินทรียสังวร สำคัญต่อการปฏิบัติธรรมมาก สำหรับท่านใดอยากได้แบบอ่านเป็นหนังสือเข้าที่ลิงค์ด้านล่างนี้เลยนะคะ หนังสือในลิงค์นี้ไม่ใช่ที่บรรยายในวีดีโอหรอกนะ เพียงแต่เราเห็นว่าหัวข้อเดียวกันและอาจารย์ผู้บรรยายท่านเดียวกัน จึงนำมาเชื่อมโยงให้ค่ะ ^___^ เผื่อท่านใดถนัดแบบอ่านมากกว่า จะได้พิมพ์ลงกระดาษอ่านเองได้เลย
คลิกที่นี่ค่ะ

ท่านสามารถศึกษาธรรมะฟังคลิปเสียง mp3 หรืออ่านหนังสือ pdf
เพิ่มเติมจาก อ.สุภีร์ ทุมทอง ได้ที่
http://www.ajsupee.com/

(การ์ดคำสอน) เหตุของความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม

on-the-good-things-150px
ดูภาพขนาดใหญ่ได้

“…
พวกเราถ้าไม่ระวังความคิดผิดๆจะเยอะ พอความผิดเยอะก็ใช้ชีวิตด้วยความเป็นทุกข์ มาปฏิบัติธรรมก็ไม่ค่อยก้าวหน้า เสร็จแล้วก็ไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร บางทีก็ไม่รู้จะโทษใคร
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะไม่ละบาปทั้งปวง พอจะปฏิบัติธรรมะขั้นสูงทำสมถะวิปัสสนามันก็ไปไม่รอด
เพราะว่าในเมื่อไม่ได้ละบาปทั้งปวง กุศลมันก็ไม่อาจจะถึงพร้อม แล้วก็จะไม่อาจชำระจิตให้ผ่องใส จะให้อริยมรรคประชุมรวมกันมันก็เป็นไปไม่ได้
…”

(mp3) ลองฟังแล้วดีมากๆๆๆ เรื่อง พุทธธรรมในแดนพุทธภูมิ

อาจารย์สุภีร์ ทุมทอง

แนะนำคลิปเสียง อ.สุภีร์ ทุมทอง ชุดนี้ค่ะ พุทธธรรมในแดนพุทธภูมิ
เป็นซีดีชุดที่ชอบที่สุด เราฟังบ่อยหลายรอบมาก
อาจารย์บรรยายไว้เมื่อครั้งที่ไปประเทศอินเดีย
มีอะไรหลายอย่างหลายเรื่องน่าฟังมาก และฟังแล้วดีมากๆ
ลองฟังดูค่ะ ทุกตอนเลยดีมากๆ
(ไฟล์เสียงนี้จะมีเสียงดนตรีนำประมาณ 50 วินาที)

01-521125_พระสัมมาสัมพุทธเจ้า_พระคันธกุฎี-เขาคิชกุฏ
https://dhammaway.wordpress.com/wp-content/uploads/2013/07/01-521125-lord-buddha.mp3
02-521126_พระพุทธเจ้าทรงประกาศพรหมจรรย์_ป่ามหาวัน-เวสาลี
https://dhammaway.wordpress.com/wp-content/uploads/2013/07/02-521126-bhramjan.mp3
03-521125_สิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุย่อมดับไปเพราะหมดเหตุ_ถ้ำสูกรขาตา
https://dhammaway.wordpress.com/wp-content/uploads/2013/07/03-521125-cause.mp3
04-521127_มีอริยมรรค 8 จึงมีสมณะ_มกุฏพันธนเจดีย์-กุสินารา
https://dhammaway.wordpress.com/wp-content/uploads/2013/07/04-521127-8mak.mp3
05-521124_หลักปฏิบัติตามโอวาทปาฏิโมกข์_วัดเวฬุวัน-ราชคฤห์
https://dhammaway.wordpress.com/wp-content/uploads/2013/07/05-521124-ovatapatimok-ajsupee.mp3
06-521128_มนุษย์ประเสริฐได้ด้วยการฝึก_สวนลุมพินี
https://dhammaway.wordpress.com/wp-content/uploads/2013/07/06-521128-human-ajsupee.mp3
07-521123_ทางสายกลาง_เขาดงคสิริ
https://dhammaway.wordpress.com/wp-content/uploads/2013/07/07-521123-middle-way-ajsupee.mp3
08-521129_ใบไม้กำมือเดียว_สาวัตถี
https://dhammaway.wordpress.com/wp-content/uploads/2013/07/08-521129-just-one-leaf-ajsupee.mp3
09-521201_ญาณหยั่งรู้อริยสัจ_ธัมเมกขสถูป_พาราณสี
https://dhammaway.wordpress.com/wp-content/uploads/2013/07/09-521201-four-noble-truth-ajsupee.mp3
10-521127_กระทำกิจให้สำเร็จด้วยความไม่ประมาท_ปรินิพพานสถูปขกุสินารา
https://dhammaway.wordpress.com/wp-content/uploads/2013/07/10-521127-done-ajsupee.mp3
11-521122_สังเวชนียสถานกระตุ้นเตือนให้มาดูความจริง_พุทธคยา
https://dhammaway.wordpress.com/wp-content/uploads/2013/07/11-521122-to-see-the-truth-ajsupee.mp3
12-521128_ตอบปัญหาธรรม_เรื่องการทำสมาธิ
https://dhammaway.wordpress.com/wp-content/uploads/2013/07/12-521128-samathi-ajsupee.mp3
—————–   คลิปเสียงนี้แนะนำเป็นพิเศษค่ะ ชอบมาก   —————–

13-521127_ตอบปัญหาธรรม_เรื่องดูตนเองเป็นหลัก
https://dhammaway.wordpress.com/wp-content/uploads/2013/07/13-521127-look-at-me-myself.mp3

———————————————————————————–

14-521124_ตอบปัญหาธรรม_เรื่องพระนิพพานและธรรมที่ควรอธิษฐาน 4 อย่าง
https://dhammaway.wordpress.com/wp-content/uploads/2013/07/14-521124-the-four-wish-ajsupee.mp3
15-521123_ตอบปัญหาธรรม_เรื่องความแตกต่างและจิตว่าง
https://dhammaway.wordpress.com/wp-content/uploads/2013/07/15-521123-what-the-different-ajsupee.mp3
16-521130_ตอบปัญหาธรรม_เรื่องพระอริยะเจ้า
https://dhammaway.wordpress.com/wp-content/uploads/2013/07/16-521130-monk-ajsupee.mp3
17-521126_ตอบปัญหาธรรม_เรื่องทุกข์และเจตนา
https://dhammaway.wordpress.com/wp-content/uploads/2013/07/17-521126-suffering-ajsupee.mp3
สามารถศึกษาธรรมะเพิ่มเติมจากอาจารย์สุภีร์ ทุมทอง ได้ที่เว็บไซต์
http://www.ajsupee.com

ความเบื่อหน่าย ในสังสารวัฏ – อ.สุภีร์ ทุมทอง

เมื่อตอนนั้น ที่กำลังโมโหกับสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตไม่รู้จะทำอะไรดี หงุดหงิดไปหมด เดินไปเดินมาวุ่นวาย สุดท้ายก็ทิ้งตัวลงบนโซฟา หันไปคว้าหนังสือธรรมะเล่มนึงมาเปิดๆพลิกๆ

เจอหน้านึงเข้า…พออ่านแล้ว….รู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับมามองดูตัวเอง รู้สึกดีมากเลยคะ ได้มองเห็นสิ่งต่างๆด้วยมุมที่ต่างออกไปเลย
ลองอ่านกันดูค่ะ

จากหนังสือ “ปัญญาญาณ” (หน้า ๒๑-๒๘ โดยประมาณ แล้วแต่เวอร์ชั่นการจัดพิมพ์) เป็นหนังสือที่ถอดเทปจาก

ธรรมบรรยายโดย อ.สุภีร์ ทุมทอง

buddha-750px
“…พระพุทธเจ้าเตือนอยู่เสมอว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรน่าเอา ไม่มีอะไรน่าเป็น สังสาระหรือการวนเวียนของเราทั้งหลายนั้น มันยาวนานมากเหลือเกิน หาที่สุดเบื้องต้นและเบื้องปลายไม่ได้
เราเป็นซ้ำๆ ซากๆ มามากมายเหลือเกินแล้ว คนรวยก็เคยเป็นมาแล้ว คนจนก็เคยเป็นมาแล้ว พระราชาก็เคยเป็นมาแล้ว ยาจกก็เคยเป็นมาแล้ว
คนสำคัญก็เคยเป็น คนไม่สำคัญก็เคยเป็น ควรที่จะเบื่อหน่ายได้แล้ว ควรที่จะคลายกำหนัดได้แล้ว
ความจริงมันควรจะเบื่อ แต่เราเบื่อไหม ยังอยากรวยอยู่ดี ยังอยากเป็นคนสำคัญอยู่ดี ยังอยากเป็นคนถูกอยู่ดีทั้งๆที่เคยเป็นมาแล้ว ชาตินี้เคยทำถูกไหม เคยมาหลายครั้งแล้วก็ยังอยากจะเป็นฝ่ายถูกอยู่ดีนั่นแหละ ไม่ยอมหยุด อยากจะถูกอีกครั้งหนึ่ง
เคยทำผิดมั้ย เคยอยู่แล้ว ใครไม่เคยทำผิดก็แย่เต็มทน ไม่ใช่คนแล้ว เคยทำผิดมาแล้ว เป็นคนผิดมาหลายทีแล้วก็ไม่อยากจะเป็นคนผิดอยู่อย่างนั้นแหละ ใครมาหาว่าเราผิด ชักจะไม่ยอมอยู่เรื่อง “ใช่…แล้วจะทำไม” ว่าไปนั่นอีก
แบบนี้มันไม่เบื่อหน่ายไม่คลายกำหนัด ยังกอดเอาไว้แน่น ยังอยากเป็นนั่นอยากเป็นนี่ อยากเป็นคนนั้นอยากเป็นคนนี้ อยากให้เราเป็นที่ยอมรับ อยากให้เป็นที่รู้จัก ให้รู้บ้างว่าใครเป็นใคร
ขนาดเรายังไม่รู้จักตนเองเลย เรานี้จะเป็นใครกันแน่ก็ยังไม่รู้เลย ตัวเองยังไม่รู้จักตัวเองดีเลย แต่อยากให้คนอื่นรู้จักว่าเราเป็นใครมีความสำคัญยังไง
มันก็เป็นซะอย่างนี้ มันไม่เกิดความเบื่อหน่าย ไม่เกิดความคลายกำหนัดก็เป็นซ้ำๆ ซากๆ วนเวียนเกิดตายกันไปไม่สิ้นสุด
ในสังยุตตนิกาย นิทานวรรค อนมตัคคสังยุต
ถ้าใครชอบอ่านก็ลองไปอ่านดูนะ พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้มีอุปมาต่างๆ หลากหลายมาก เรานี้เกิดมายาวนานเหลือเกินเคยเป็นมาหมดแล้วนะ เป็นมาทุกอย่างแล้ว พระองค์ตรัสว่า
อนมตคฺโคยํ ภิกฺขเว สํสาโร
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังสาระคือการเวียนเกิดเวียนตายอันเป็นการสืบต่อกันไปของขันธ์ อายตนะนี้ ยาวนานหาที่สุดในเบื้องต้นและเบื้องปลายไม่ได้
การวนเวียนไป เดี๋ยวตาเห็น เดี๋ยวหูได้ยิน เดี๋ยวใจคิด อยากได้นั่นได้นี่ อยากทำนั่นทำนี่ก็ทำไป สักหน่อยก็อยากใหม่ แล้วก็ทำใหม่ไม่เคยหยุด เหมือนเดิมไหม เมื่อวานเป็นอย่างนี้ไหม เมื่อวานก็เห็นเหมือนกัน คิดเหมือนกัน แต่คิดคนละเรื่อง ที่มันดูตื่นเต้น
เพราะเราหลงไปตามเรื่องในโลก
เราจึงต้องหาสิ่งใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นอยู่เรื่อย สิ่งไหนเคยเห็นแล้วมันก็เซ็ง เหมือนแฟนเรา แรกๆก็ตื่นเต้นดี พอนานเข้าเห็นหมดไส้หมดพุงแล้วก็เซ็งต้องไปหาสิ่งที่ยังไม่เคยเห็นนะจะได้ตื่นเต้นเราทั้งหลายก็ต้องหากันไปเรื่อยๆ ไม่หยุดสักที
ความจริงแล้วตามันเห็นวันนี้กับเห็นพรุ่งนี้เหมือนกันนั่นแหละตาเห็น หูได้ยิน ใจคิด เหมือนกันทุกๆวัน มีแต่ของเปลี่ยนแปลง มีแต่ของเกิดดับ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ นะ กายกับใจของเรานี้แหละ มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ กายก็เกิดดับเปลี่ยนแปลง ใจก็เกิดดับเปลี่ยนแปลง แล้วเราก็บัญญัติว่า โอ้… นี่เราอายุเท่านี้ตอนนี้แก่แล้ว มีเมื่อวาน มีพรุ่งนี้อะไรพวกนี้ ก็บัญญัติกันไป
แท้ที่จริง เวลาจริงๆมันไม่มีหรอก เวลามันไม่เปลี่ยน ความไม่เที่ยงนั้นไม่เคยเปลี่ยน แต่ตัวเรานั่นแหละที่เปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา
เมื่อวานนี้ มีจริงมั้ย เมื่อวานนี้แท้ที่จริงก็คือตัวเรานั่นแหละ กายกับใจเราที่เกิดดับเปลี่ยนแปลงไปแล้ว แล้วอะไรล่ะที่จะมีอีกในวันพรุ่งนี้ ก็กายกับใจเราอีกนั่นแหละ ที่จะเกิดต่อไปในอนาคต
โดยความจริง อนาคตมันก็ไม่เคยมาถึงสักที แต่เราเข้าใจผิดนะ หลงไปบอกว่าโอ้… เวลามันเปลี่ยนไป เวลามันเปลี่ยนแต่ตัวเราไม่เปลี่ยน ตัวเราอยู่นิ่งทีเดียว อย่างนี้มันเข้าใจผิด ถ้าตัวเราไม่เปลี่ยน แล้วมันจะแก่มั้ย มันก็ไม่แก่ เวลามันไม่ได้เปลี่ยน มันมีจุดเดียวคือปัจจุบันเท่านั้นเอง
กายกับใจที่มันดับไปแล้ว เรียกว่าอดีต ที่มายังไม่ถึงและมันจะเกิดขึ้นภายหน้าเรียกว่าอนาคต
ดังนั้นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ใช่เวลาหรอก ตัวเราเองนั่นแหละที่เปลี่ยน เราจึงแก่ไง มันเป็นของไม่เที่ยง
พระพุทธเจ้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ จักษุไม่เที่ยง โสตะไม่เที่ยง มโนไม่เที่ยง เชื่อบ้างหรือเปล่า
ท่านบอกว่าตัวเรานั่นแหละมันไม่เที่ยง ตาไม่เที่ยง หูมันไม่เที่ยง ใจมันไม่เที่ยง มันเป็นของเปลี่ยนแปลง มันไม่ใช่ตัวใช่ตน
การวนเวียนไปของกองทุกข์คือกายกับใจ มีการมองเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น รู้รส สัมผัสทางกาย คิดนึกรู้สึกทางใจ วนเวียนไปต่างๆ นานา นี่เรียกว่าสังสาระ
ชาตินี้เราก็เกิดมาได้โรงละครที่นี่ ชาติต่อไปไม่รู้จะได้เล่นอยู่โรงไหนก็ไม่รู้ ก็วนเวียนไปเรื่อยๆนะ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า สังสาระนี้มีที่สุดเบื้องต้นและเบื้องปลายอันรู้ไม่ได้ หมายความว่ามันนานมาก สำหรับพวกไหนล่ะ ก็สำหรับพวกที่มีอวิชชาหุ้มห่อและมีตัณหาผูกพันเอาไว้
ปุพฺพา โกฏิ น ปญฺญายติ
ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ

อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสญฺโญชนานํ สนฺธาวตํสํสรตํ
สำหรับสัตว์ทั้งหลายที่ถูกอวิชชาหุ้มห่อ มีตัณหาผูกพันเอาไว้แล้ว ท่องเที่ยววนเวียนไปมาอยู่

เราทั้งหลายนี้เองนะ ถูกอวิชชาหุ้มห่อและถูกตัณหาผูกพันเอาไว้ ท่องเที่ยงวนเวียนไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นและเบื้องปลายรู้ไม่ได้ วนเวียนเป็นวงกลม
เวลาเราเดินนี่นะ รู้สึกมันเป็นเส้นตรงใช่ไหม เคยสังเกตดูซักทีไหม มันไม่ได้เป็นเส้นตรง มีแต่วงกลม
ที่ทำงานกับที่บ้าน ที่ทำงานกับที่บ้านกลับไปกลับมา วนไปวนมาไปไหนไม่รอด แต่เราบอกว่า เออ… เราเดินเป็นเส้นตรงนะ ลองเดินเป็นเส้นตรงไปเรื่อยๆ นะ เดินไปเรื่อยๆ อย่าหยุดนะ ท่านว่ามันจะเป็นเส้นอะไร มันจะเป็นวงกลม เพราะว่าท่านเดินรอบโลกถ้าไม่ตายเสียก่อนนะ
สังสาระนี้มันมีแต่วงกลมเท่านั้นนะ ไม่มีเส้นตรง แต่เราทั้งหลายรู้สึกว่ามันเป็นเส้นตรงก็เลยมีเวลา แท้ที่จริงไม่ใช่
จิตใจของเราก็มีแต่เรื่องวนเวียนไปมา ท่านลองสังเกตดูก็ได้ มันคิดแต่เรื่องเดิมๆ กลับไปกลับมา เบื่อไหม ลองไปนั่งดูก็แล้วกันมันก็คิดแต่เรื่องเดิมๆ นั่นแหละ
ยิ่งถ้าท่านไม่สนใจเรื่องที่คิด สนใจแค่ว่า จิตมันคิดไป จิตมันเห็น จิตมันไปได้ยิน ไปดมกลิ่น ไปรู้รส ไปสัมผัส ก็มีแต่เท่านี้
ที่เปลียนแปลงก็มีแต่เรื่องราวที่สร้างขึ้นจากการมองเห็น การได้ยิน การคิดเท่านั้น
เป็นมายา ที่เราคิดว่า เรามีสิ่งนั้นสิ่งนี้มากมายเหลือเกิน ก็คือหลงไปตามมายาของทุกข์เท่านั้นเอง
พระพุทธเจ้าบอกว่า พวกคนโง่คือพวกมีอวิชชานี่นะเขาบอกว่า เขามีสามี มีลูก มีบ้าน เขามีสิ่งนั้นสิ่งนี้เยอะแยะ แต่โดยความจริงขนาดตัวเขาเองยังไม่มีเลยแล้วสิ่งอื่นจะมีได้ยังไง
นี่ดูก็แล้วกันว่าความรู้สึกของเรากับที่พระพุทธเจ้าบอกไว้ ตรงข้ามกันทีเดียว พระองค์ตรัสต่อไปว่า
เอวํ ทีฆรตฺตํ โว ภิกฺขเว ทุกฺขํ ปจฺจนุภูตํ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทุกข์อ้นเธอทั้งหลายได้เสวยแล้ว สิ้นกาลนานอย่างนี้
เคยทุกข์มั้ย เคย เคยสุขมั้ย เคย สุขนิดหน่อยก็คือทุกข์เหมือนกัน สุขมากๆ ก็คือทุกข์อีกเหมือนกัน ทุกข์บ้าง สุขบ้าง มานานแล้ว เบื่อเหรือยัง
ติพฺพํ ปจฺจนุภูตํ
ทุกข์อันกล้าแข็ง อันเธอทั้งหลายได้เสวยแล้ว

พฺยสนํ ปจฺจนุภูตํ
ความเสื่อม ความพลัดพรากจากกัน อันพวกเธอได้เสวยแล้ว

กฏสี วฑฺฒิตา
แผ่นดินอันเป็นป่าช้าอันเธอทั้งหลายพากันเพิ่มพูนแล้ว

เคยพลัดพรากจากกันมากี่คนแล้ว เอาเฉพาะชาตินี้ ญาติตายไปกี่คนแล้ว ตอนเขาตายเราก็ร้องไห้ แต่ทำเป็นลืมไปแล้ว
หมาที่เรารักตายไปกี่ตัวแล้ว ของรักของหวงหายไปกี่อันแล้ว เสียใจไปกี่รอบแล้วเข็ดบ้างหรือยัง
กฏสี แปลว่า แผ่นดินที่เป็นป่าช้า เราทั้งหลายทำให้มันมากขึ้นไปเรื่อยๆ ผืนแผ่นดินที่เราเดินอยู่นี่มีแต่ป่าช้าทั้งนั้นแหละ แต่เราทำท่ากลัวที่หนึ่ง ไม่กลัวอีกที่หนึ่ง ความจริงทุกที่มันก็เป็นที่เกิด ที่ตายของสัตว์มาแล้วทั้งนั้นแหละตายทับถมกันอยู่บนผืนแผ่นดินนี้ คนตายมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว
เราทั้งหลายประสบกับความทุกข์ต่างๆ ประสบกับความเร่าร้อน ทรมานพลัดพรากจากสิ่งต่างๆ แล้วก็ตายเอาร่างกายถมแผ่นดินลงไป ยาวนานเหลือเกินแล้ว
พระองค์ตรัสต่อไปว่า

ยาวญฺจิทํ ภิกฺขเว อลเมว สพฺพสงฺขาเรสุ นิพฺนิพฺทิตุ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แหละ ควรแล้วที่จะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งหลาย

อลํ วิรชฺชิตุ
ควรที่จะคลายกำหนัด

อลํ วิมุจฺจิตุ
ควรที่จะหลุดพ้น

สังสาระมันวนเวียนไปวนเวียนมาอย่างนี้ หาที่สุดในเบื้องต้นและเบื้องปลายไม่ได้ เราทั้งหลายก็ได้ประสบความทุกข์มานานเหลือเกินแล้ว มากมายสุดจะนับได้
พระพุทธเจ้าอุปมาไว้เยอะ เช่นว่าเรานี่เกิดมาแล้วก็มีแม่ แม่ตายก็ร้องไห้น้ำตาเราที่ร้องไห้เวลาแม่ตายนี่ รวมกันแล้วมากกว่าน้ำในมหาสมุทรเสียอีก น้ำนมที่เราดื่มมากกว่าน้ำในมหาสมุทร เลือดที่ไหลออกจากลำคอเวลาถูกเชือดมากกว่าน้ำในมหาสมุทร
ในสังสาระอันยาวนานนี้ คนที่ไม่เคยเป็นพ่อกัน หาไม่ได้ คนที่ไม่เคยเป็นแม่กัน ไม่เคยเป็นลูกกัน หาไม่ได้
หากเราไปเห็นคนร่ำรวย คนมีความสุข ก็ให้ตกลงใจได้เลยว่า เราก็เคยเป็นอย่างนั้นมาแล้ว หรือหากเราไปเห็นคนยากจน คนเป็นทุกข์ก็ให้ตกลงใจได้เลยว่าเราก็เคยเป็นอย่างนั้นมาแล้ว เพราะว่าเกิดตายมายาวนานมาก
ถ้ามีปัญญาญาณเกิดขึ้นก็จะเห็นว่า ชีวิตมีแค่นี้เอง มีกายกับใจที่เกิดดับเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
เดี๋ยวตาเห็นรูป แล้วก็ไปคิด หูฟังเสียง แล้วก็ไปคิดเกิดความรู้สึกต่างๆ ขึ้นมา เป็นโลก เป็นสิ่งทั้งปวงวนเวียนไปมาอยู่เท่านี้…”
จากหนังสือ “ปัญญาญาณ”
อาจารย์สุภีร์ ทุมทอง

ดาวโหลดอ่านหนังสือ ปัญญาญาณ pdf

สามารถดาวโหลดฟังคลิปเสียงธรรมบรรยาย mp3 ได้ที่นี่
ปัญญาญาณ ตอนที่ 1
ปัญญาญาณ ตอนที่ 2
ปัญญาญาณ ตอนที่ 3
ปัญญาญาณ ตอนที่ 4

ดาวโหลดภาพขนาดใหญ่ได้ คลิกที่นี่

อ่านหนังสือธรรมะ pdf และฟังเสียงธรรม mp3
อาจารย์สุภีร์ ทุมทอง