พ่อหนุ่ม จะบอกการปฏิบัติให้พ่อหนุ่มอีกอย่างหนึ่ง ให้เอาไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้เลย
คือคนทุกคนแต่ละวันจะทำงานหรือไม่ทำงานก็ตาม เขาจะอยู่ในอิริยาบถสี่ คืออิริยาบถหนึ่ง คือ ยืน แต่ว่ายืนนั่นส่วนน้อย เดิน เช่นเดินออกนอกบ้านไปขึ้นรถ หรือเดินเที่ยวเดินออกกำลังกาย เดินชมของในศูนย์การค้า หรือเดินชมต้นไม้ในบ้านเป็นต้น นั่ง หรืออิริยาบถนั่ง เราต้องนั่งทำงาน นั่งกินอาหาร นั่งพักผ่อนหย่อนใจ นั่งเล่น อิริยาบถนอน นอนเล่นๆ นอนจริงๆ นอนให้หลับ คนหนึ่งๆ ก็มีสี่อิริยาบถ ฉะนั้นในทุกอิริยาบถ เราใส่องค์ภาวนาเข้าไป
เช่นนั่งทำงานนี่ให้เข้าใจว่า นั่งนั่นก็ว่างจากตัวกูผู้นั่ง เป็นเพียงสักว่าธาตุชนิดหนึ่งที่กองอยู่บนเก้าอี้ แล้วมือก็เขียนหนังสือไป สมองก็ทำงานไป ทำไปว่างๆ โดยไม่มีตัวกูผู้กระทำ หรือทำโดยไม่ต้องมีตัว มีแต่ธาตุว่างกับงานว่างเท่านั้น แล้วจะทำงานเพลิน
เหมือนเด็กๆ เล่นกีฬา เมื่อไม่มีตัวกูผู้เล่น มีแต่ธาตุอย่างหนึ่งที่แกว่งไปแกว่งมา เพื่อจับลูกวอลเล่ย์บอลใส่ให้ตรงห่วงด้วยสมาธิ เป็นการฝึกสมาธิให้ชำนาญ เป็นการฝึกทักษะหรือปัญญาในการตัดสินใจให้แม่นยำ อย่างนี้ก็ต้องอาศัยจิตว่างในการเล่น มีทั้งสมาธิและปัญญาที่ต้องเอามาใช้ ก็ออกจากจิตว่างทั้งนั้น เรียกว่าเล่นด้วยความว่าง เล่นเพลินแล้วก็สนุกด้วย เพราะไม่มีตัวกู เรียกว่าว่างจากตัวกู ไม่ใช่ว่าโยนลงไปลูกไม่ลงห่วงแล้วเจ็บใจตัวเอง ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างนั้นไม่สนุกแล้ว ตัวกูเกิดแล้ว ทุกข์เกิดแล้ว จิตไม่ว่างแล้วสติปัญญาขาดแล้ว
เช่น ทีมบอลของประเทศไทย ส่วนมากตอนแรกจะได้ลูกนำไปก่อนหนึ่งลูก แล้วฝ่ายตรงข้ามก็พยายามเล่นด้วยจิตนิ่ง จิตว่าง ใช้สติปัญญากำกับอย่างดี จนได้ลูกเสมอกัน ๑-๑ พอต่อไปฝ่ายตรงข้ามก็โหม่งเข้าอีก เป็นสองต่อหนึ่ง ของไทยก็ใจผิดปกติแล้วเล่นกันไม่เป็นขบวนการแล้ว จิตไม่นิ่งแล้วสมาธิหายหมดแล้ว ปัญญาก็หดหายไปหมด ผลออกมาก็คือแพ้ นี่เห็นไหม? จิตไม่นิ่ง สมาธิไม่เกิด ปัญญาก็หดหายหมด เพราะเขาไม่ได้เล่นด้วยจิตว่าง เล่นด้วยจิตที่เป็นตัวกูที่แพ้
เราดูข้างนอกว่าแพ้แก่คู่แข่ง แต่ตามจริงแล้วเขาแพ้แก่จิตของเขาเอง คือแพ้แก่ตัวกู พอมีตัวกูก็โยนลูกไม่ลงบ้างเพราะขาดสมาธิ ปัญญา ทักษะ โหม่งลูกไม่เข้าประตูบ้าง เพราะขาดทั้งสติและปัญญา พร้อมสมาธิเขาก็แพ้จิตเขาเอง ถ้าต่างคนต่างขาดสมาธิและปัญญา ขบวนการก็เสียหมด จิตรวนเร กายรวนเร ทำให้ขบวนการรวนเร ผลสุดท้ายแพ้แก่ตัวเอง เพราะไม่ได้ฝึกจิตมา
ฝึกแต่ทักษะภายนอก มันไม่พอหรอก เมื่อเล่นด้วยจิตไม่ว่าง ทำงานก็เหมือนกัน ถ้าเริ่มนั่งทำงานแล้วมีตัวกูมันก็เกิดเบื่องาน ความทุกข์มันก็เกิดขึ้นทันที เรียกว่าทำงานด้วยจิตวุ่น เพราะมีตัวกูเป็นผู้กำกับ
ถ้าทำงานด้วยจิตว่างมีสติปัญญากำกับ ทำงานเพลิน ทำงานสนุก แล้วก็เป็นสุขกับงานที่ทำนั่น เรียกว่าทำงานด้วยจิตว่างจากตัวกู
พอไปถึงอิริยาบถนอนก็อย่าคิดว่ากูนอน มันเป็นธาตุอย่างหนึ่ง ที่มันกองอยู่บนเตียง มันเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็น สุญญตา มันต้องนอนว่างๆ ภาวนาว่านอนว่างๆ คือว่างจากตัวกูผู้นอนนั่นเอง ถ้าปฏิบัติอย่างนี้อีกไม่นานก็เข้าใจธรรมะ รู้ธรรมะ ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เป็นการปฏิบัติในการทำงาน หรือเป็นการปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้
แม้แต่นั่งรถเมล์ หรือยืนบนรถเมล์ หรือยืนรอรถเมล์ ก็ปฏิบัติธรรมได้เยอะแยะ ถ้ารู้จักปฏิบัติ แต่ถ้าขับรถส่วนตัว รถติดครึ่งชั่วโมงหนึ่งชั่วโมง ก็ปฏิบัติกันเสีย ไม่ใช่นั่งตกนรกร้อนใจอยู่หนึ่งชั่วโมงหรือครึ่งชั่วโมง มีแต่ขาดทุน หรือได้คิดอะไรก็นั่งใจลอยอยู่ ก็คงไม่เป็นประโยชน์เช่นกัน