ความสังเวชสลดใจในสังสารวัฏ – พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรํสี

เชื่อว่าหลายๆท่านได้อ่านแล้ว
จะต้องได้ความรู้สึกอะไรหลายๆอย่างเหมือนข้าพเจ้าแน่ๆ (-/\-)
ลองอ่านดูนะคะ

ค่อยๆอ่านช้าๆ เก็บรายละเอียดกันคะ
คุ้มค่าแน่ๆคะ

กรรมฐาน 3 แนว

พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรํสี
เนื้อหาข้อความตัดทอนมาจากพระธรรมเทศนาเรื่อง กรรมฐาน 3 แนว

“…ภิกษุเคยถามพระพุทธเจ้าว่า
กัปป์นึงนานขนาดไหน
พระองค์ก็อุปมาให้ฟัง
หุบเขาแท่งทึบ สูง1โยชน์ กว้าง1โยชน์
ร้อยปีก็เอาผ้าบางๆไปปาดซักครั้ง
จนกว่าภูเขานั้นจะเตียนราบเรียบ
หรือถ้ามีห้องขนาดกว้าง1โยชน์ ยาว1โยชน์ สูง1โยชน์
แล้วมีเมล็ดพันธุ์ผักกาดไปใส่ไว้
ร้อยปีก็เอาออกมาเม็ดนึง
ร้อยปีก็เอาออกมาเม็ด
จนกว่าจะหมด กัปป์หนึ่งเนี่ย มันนานอย่างนั้น
แล้วชีวิตของสัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาเนี่ย
ไม่ใช่เพียงกัปป์เดียว แต่นับไม่ถ้วน
ชีวิตของแต่ละท่านเนี่ย เวียนว่ายตายเกิดมามากมาย
น้ำตาที่ไหลจากความเศร้าโศกเสียใจ
ถ้าสามารถรวมไว้ได้ จะมากกว่าน้ำในมหาสมุทร
พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า
ถ้านำใบไม้กิ่งไม้ในชมพูทวีป
เอามามัดมาตัดเป็นท่อนๆ
ท่อนละ 4 นิ้ว 4 นิ้ว
เอามาสมมุติว่านี่คือมารดาของเราในอดีตชาติ
อันนี้ก็มารดา อันนี้ก็มารดา
ใบไม้ กิ่งไม้ที่เอามาสมมุติ มันหมดไปก่อน
มารดาในอดีตยังไม่หมดเลย
นี้แสดงว่าภพชาติมันมาก
ฉะนั้นเพียงพอไหมที่เราจะเกิดสังเวชสลดใจ
ต่อชีวิตแห่งการเวียนว่ายตายเกิด
ที่เราเกิดผ่านมาทุกข์ทรมาน
ต้องเศร้าโศก ต้องพิไรรำพัน
คับแค้นใจ ทุกข์กาย ทุกข์ใจ
ทุกข์ ทุกข์จากความเกิด ทุกข์จากความแก่
ทุกข์จากความตาย ทุกข์จากความเศร้าโศก พิไรรำพัน
ทุกข์กายทุกข์ใจ คับแค้นใจ
เพราะว่าต้องพลัดพลากจากบุคคลอันเป็นที่รักบ้าง
จากสิ่งอันเป็นที่รักบ้าง
ต้องเผชิญกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจบ้าง
ต้องผิดหวังไม่สมหวังปราถนาบ้าง
ต้องหลั่งน้ำตาเศร้าโศกทุกข์ทรมานใจบ้าง
น้ำตาที่ไหลนี่ มากกว่าน้ำในมหาสมุทร
เลือดที่หลั่งไหลออกจากลำคอเนี่ย ที่ถูกตัดคอเนี่ย
บางชาติไปเป็นโจร หรือว่าเป็นสัตว์เดรัจฉาน
ถูกตัดคอ มากกว่าน้ำในมหาสมุทร
ให้รู้ว่าชีวิตเราผ่านความทุกข์มามาก
แต่ถ้าหากว่ายังไม่มีปัญญารู้แจ้งแทงตลอด
ไม่สามารถจะตัดกิเลสตัวเองได้
ชีวิตก็จะต้องระหกระเหินไปข้างหน้าอีก
ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดกันเมื่อไหร่
โดยเฉพาะอบายภูมิ
การบังเกิดขึ้นเป็นสัตว์นรก
เป็นเปรต เป็นอสุรกายนี่
ยังรอคอยอยู่สำหรับปุถุชน
ปุถุชนผู้ยังหนาแน่นด้วยกิเลส
คติภพไม่แน่นอน
ยังสามารถทีจะเกิดเป็นสัตว์นรกได้
เป็นเปรตได้ เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน
แล้วพระพุทธองค์ชี้ให้เห็น บอกให้ภิกษุได้ดู
ว่าถ้าเห็นคนพิกลพิกาล คนยากจนอนาถา
เนี่ยก็พึงแน่ใจไว้เลยว่าเราเคยเป็นอย่างนี้มาแล้ว
ไอ้ที่เราไปเห็นคนอนาถา ยากไร้
คนพิกลพิกาล คนทุกข์ยาก
แม้แต่สัตว์เดรัจฉานที่มันทุกข์ยากลำบาก
เราเคยเป็นอย่างนี้มาแล้ว
หรือเราไปเห็นคนร่ำรวย คนมีบริวาร
มีคนเพรียบพร้อมเดินหน้า ล้อมหน้าล้อมหลัง
อยู่ในตำแหน่ง อยู่ในยศชั้นสูง
ก็พึงรู้ว่าเราก็เคยเป็นอย่างนั้นมาแล้ว
แม้เราจะเป็นคนที่สูงส่งขนาดนั้นมา
มันก็ยังไม่พ้นทุกข์
ก็ยังมาเป็นเราอยู่
ทุกข์อยู่ขณะปัจจุบันนี้อีก…”
เนื้อหาข้อความตัดทอนมาจากพระธรรมเทศนาเรื่อง
“กรรมฐาน 3 แนว” (ดูฉบับเต็ม คลิกที่นี่)

โดย พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรํสี